
Sunset in Water
'มุนจองอิน' ในวัยเด็กแทบไม่เคยเปล่งเสียงพูดออกมา เขาไม่รู้สึกถึงความจำเป็นหรือความต้องการที่จะสื่อสารกับใคร
เพราะในความเชื่อของเขา หากเผลอเปล่งเสียงออกไป ปีศาจที่ซ่อนอยู่ในความมืดอาจตามหาเขาจนพบก็ได้
ในขณะที่มุนจองอินเก็บตัวอยู่ในโลกเงียบเชียบของตัวเอง ก็มีชายผู้หนึ่งก้าวเข้ามา—ผู้ที่ภายหลังได้กลายเป็นผู้อุปถัมภ์ของเขา
ชายผู้นั้นคือ จางบอมยอง ผู้มีท่าทีน่าเกรงขามและใบหน้าที่แทบไม่แสดงอารมณ์
แม้จางบอมยองจะไม่ถนัดในการดูแลเด็กนัก แต่ด้วยความอดทนและใส่ใจ เขาก็ค่อย ๆ ทำให้จองอินยอมเอ่ยปากพูด
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสนับสนุนทุกสิ่งเพื่อให้จองอินได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นทั่วไป
ทว่า มีเพียงจองอินเท่านั้นที่ไม่รู้ว่า “เสรีภาพ” ที่เขาได้รับ แท้จริงแล้วดำเนินอยู่ภายใต้การควบคุมอันแนบเนียนของจางบอมยอง
เมื่อเข้าสู่วัยมัธยมต้น มุนจองอินจึงเริ่มตระหนักว่า การปรากฏตัวของจางบอมยองในชีวิตของเขานั้น
ได้ก่อให้เกิดความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบายในหัวใจ
และเมื่อเติบโตขึ้น เขาจึงยิ่งแน่ชัดว่าความรู้สึกนั้นไม่ใช่เพียงอารมณ์ชั่ววูบจากวัยเปลี่ยนผ่าน
แต่ต่อให้รู้เช่นนั้น เขาก็ยังไม่กล้าที่จะเอ่ยปากสารภาพ—อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้
ในอีกด้านหนึ่ง ความใส่ใจของจางบอมยองที่มีต่อมุนจองอิน เด็กหนุ่มผู้เปราะบางนั้น
เริ่มเกินเลยจากขอบเขตของ “การดูแลอย่างผู้ใหญ่” ไปทีละน้อย
จนไม่อาจแยกได้ว่า แท้จริงแล้วเป็นมุนจองอินที่อยู่ภายใต้การควบคุมของจางบอมยอง
หรือว่าจางบอมยองเองต่างหากที่กำลังถูกจองอินชักนำอยู่
กระทั่งวันหนึ่ง ขณะจองอินกำลังจะเดินทางไปทัศนศึกษา เขากลับได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดบางอย่าง
และจากจุดนั้นเอง ความสัมพันธ์ระหว่าง “ผู้อุปถัมภ์กับเด็กกำพร้า” ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยอย่างไม่อาจหวนกลับ